บางแก้วดูแลไม่ยาก

ทำความรู้จักขนของน้องหมาไทยบางแก้ว




น้องหมาไทยบางแก้ว เป็นน้องหมาขนาดกลาง ที่มีขนยาวปานกลาง มีลักษณะเป็น 2 ชั้น ขนชั้นในจะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดและนุ่ม ส่วนขนชั้นนอกจะมีเส้นใหญ่เหยียดตรง ยาวคลุมแผ่นหลัง สำหรับเรื่องสีขนของบางแก้วจะมีสีมาตราฐานตามสายพันธุ์อยู่ 3 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ สีขาว-น้ำตาล และสีขาว-เทา



  (สีขาวเทาเป็นสีที่หายากและมีราคาแพงมาก ๆ เลยค่ะ) โดยสีขาวนั้นจะเป็นสีพื้นของตัวน้องหมา และมีสีอื่นเป็นกลุ่มก้อนหรือที่เราเรียกว่า มาร์คกิ้ง นั่นเองค่ะ

     โดยธรรมชาติแล้ว บางแก้วเพศผู้จะผลัดขนปีละ 1 ครั้ง ส่วนบางแก้วเพศเมียจะผลัดขนปีละ 2 ครั้ง โดยการผลัดขนจะกินเวลาในการผลัดขนประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการเลี้ยงดูของผู้เลี้ยง ในช่วงที่น้องหมาผลัดขนจะเป็นช่วงที่ผิวหนังและร่างกายของน้องหมาอ่อนแอจึงเสี่ยงที่น้องหมาจะเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย และในช่วงผลัดขนน้องหมามักจะไม่ค่อยกินอาหาร ผู้เลี้ยงจึงควรที่จะดูแลเรื่องของสุขภาพของน้องหมาให้ดีในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องของการให้อาหารที่มีคุณภาพ และการดูแลขนด้วยวิธีการแปรงขนเพื่อสางขนชุดเก่าออก และกระตุ้นให้ขนใหม่ของน้องหมาขึ้นเร็วขึ้นค่ะ

     นอกจากนี้แล้ว น้องหมาบางแก้วที่ถูกต้องตามลักษณะสายพันธุ์ยังต้องมีเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ 11 ประการ จึงจะถือว่าเป็นสุนัขบางแก้วที่สวยสมบูรณ์และครบตามลักษณะของสุนัขบางแก้ว ซึ่งประกอบด้วย

1.ต้องมีแผงหน้า
2.ต้องมีขนหลัง
3.ต้องมีขนหน้าอก (เครา)
4.ต้องมีแข้งสิงห์(ขนที่อยู่ด้านหลังของขาหน้า)
5.ต้องมีขนท้อง
6.ต้องมีแผงหลัง (ผ้าคลุมไหล่)
7.ต้องมีกระโปรงท้าย
8.หางมีขนเป็นพวงสวยงาม
9.ลักษณะขนต้องเป็นขนสองชั้น คือ มีชั้นซับในเป็นลักษณะขนสั้น ๆ อ่อนนุ่ม และมีขนยาวปกคลุมอีกชั้นหนึ่ง
10.ลักษณะของตา จ้องเป็นสามเหลี่ยม คล้ายเม็ดอัลมอนต์
11.ลักษณะหูเป็นสามเหลี่ยมตั้ง ป้องไปข้างหน้า อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม




โรคผิวหนังที่มักพบในน้องหมาไทยบางแก้ว



     น้องหมาบางแก้วเป็นน้องหมาพันธุ์ไทยที่มีลักษณะผิวหนังที่ค่อนข้างบอบบางและแพ้ง่าย จึงเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพผิวหนังและโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าน้องหมาสายพันธุ์อื่น ซึ่งโรคผิวหนังของน้องหมาบางแก้วสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปรสิตภายนอก ได้แก่ เห็บหมัดและไร , เชื้อโรคต่าง ๆ เช่น พวกแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ , ฮอร์โมน เช่น เกิดจากต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ , ภาวะภูมิแพ้ เช่น แพ้อาหาร อากาศ หรือผิวสัมผัสต่าง ๆ

     นอกจากนี้ อีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาสุขภาพผิวหนังและขนของน้องหมาบางแก้ว ก็มักจะเกิดจากการขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่จากผู้เลี้ยง ทั้งในเรื่องอาหารการกิน และเรื่องการใส่ใจทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จนทำให้น้องหมาเกิดปัญหาโรคผิวหนังต่าง ๆ  ซึ่งโรคผิวหนังที่มักพบบ่อยในน้องหมาสายพันธุ์บางแก้วนั้น ได้แก่

     - โรคภูมิแพ้ในสุนัข (Allergy) เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของน้องหมาเกิดการตอบสนองที่ผิดปกติของปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารทั่ว ๆ ไปที่อยู่รอบตัว โดยผ่านการสูดดม กินหรือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ซึ่งโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยในน้องหมา ได้แก่ โรคภูมิแพ้น้ำลายหมัด (Flea Allergic Dermatitis) น้องหมาที่แพ้น้ำลายหมัดที่มากินเลือดจะเกิดตุ่มแดง แข็ง ตามลำตัว ทำให้น้องหมาคัน เกา และเกิดผิวหนังอักเสบ , โรคภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) ที่มักจะส่งผลต่อผิวหนังและทำใหขนร่วง คัน ในบางรายอาจมีอาเจียนร่วมกับถ่ายเหลว , แอโทปี (Atopy) หรือโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับการสูดดมละอองเกสรดอกไม้ เชื้อรา ฝุ่นในบ้าน และสารที่ล่องลอยในอากาศ ทำให้น้องหมาคันที่ผิวหนัง เกิดเป็นวงแดง ๆ และกระจายไปทั่วตัวจนเกิดแผลติดเชื้อ เป็นหนอง , โรคภูมิแพ้ชนิดสัมผัส (Contact Allergy) ซึ่งเกิดจากการที่น้องหมาสัมผัสกับสาร หรือสารเคมี เช่น อุปกรณ์สารเคมีทำความสะอาดทั่วไป ฟูกที่นอน พรมสกปรก อุปกรณ์น้ำยาห้องปรับอากาศ ฯ ซึ่งสามารถก่อโรคภูมิแพ้ผิวหนังในน้องหมาได้ ... โรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นในน้องหมาจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็มักจะสร้างความรำคาญให้กับทั้งน้องหมาและผู้เลี้ยงเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

  - ภาวะแพ้อากาศร้อนจัด หรือที่เรียกว่า "Hot Spot" ถือเป็นปัญหาที่พบบ่อยในน้องหมาบางแก้ว ซึ่งส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากการที่ผู้เลี้ยงอาบน้ำให้น้องหมา แล้วเป่าขนชั้นในไม่แห้งสนิท หรือในน้องหมาที่ชอบแอบลงไปเล่นน้ำแล้วเจ้าของไม่ได้จัดการทำความสะอาดน้องหมาในทันที ซึ่งจะทำให้น้องหมาจะมีการอักเสบ ร้อน บวมแดง ของผิวหนังบริเวณต่าง ๆ น้องหมาจะคัน เลีย กัด เกา บริเวณที่เป็นแผล ทำให้มีอาการอักเสบและลุกลามไปเรื่อย ๆ หากมีแบคทีเรียเข้ามาร่วมด้วยก็จะกลายเป็นหนอง ผิวหนังบริเวณที่เป็นจะเปียกชื้น มีกลิ่นเหม็น ค่ะ

     - โรคไรขี้เรื้อนแห้ง (Sarcopticosis) เกิดจากน้องหมาป่วยติดเชื้อปรสิตภายนอกซึ่งก็คือ ตัวไรขี้เรื้อน Sarcoptes scabiei ที่จะอาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า โดยน้องหมาตัวที่เป็นโรคขี้เรื้อนแห้งจะเริ่มต้นจะมีอาการคันตัว คันที่ขอบใบหูทั้งสองข้างและคันที่ศอกด้านข้าง เกิดตุ่มสีแดงบนผิวหนัง เช่น ใต้ท้อง ขาหนีบ และบั้นท้าย น้องหมาจะคันรุนแรงและเกามากขึ้นเรื่อย ๆ จนขนร่วง ผิวหนังจะเริ่มเป็นสะเก็ด แผลหนาตัวขึ้นและเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งตัว

      - โรคเรื้อนเปียก (Demodicosis) หรือโรคเรื้อนในรูขุมขน เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากไร เป็นปรสิตภายนอกที่อาศัยในรูขุมขนของน้องหมา เช่น บริเวณใบหน้า หัว รอบตา ลำตัว ขา ฝ่าเท้า และอุ้งเท้า โดยหมาจะมีอาการขนร่วง ผิวหนังแดง คันและเกา มีเม็ดตุ่ม มีตุ่มหนอง ผิวหนังเยิ้มแฉะ มีแผลหลุม มีแผลโพรงทะลุ มีกลิ่นตัว (กลิ่นเหม็นคาวปลาเค็ม) และอาจเกิดรูขุมขนอักเสบตามมาได้ (อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับโรคไรขี้เรื้อนในน้องหมารวมถึงวิธีการรักษาในบทความ โรคไรขี้เรื้อนในน้องหมารักษากันอย่างไร )
ฉะนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้น้องหมาบางแก้วเกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังและเส้นขน ผู้เลี้ยงจึงต้องหันมาใส่ใจดูแลน้องหมามากขึ้น โดยวันนี้ปังปอนด์ก็มีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่ดี สวยงามตลอดไป มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

 

4 เคล็ดลับดูแลสุขภาพผิวหนังและขนของไทยบางแก้ว


ให้อาหารมีคุณภาพ 

การดูแลเรื่องอาหารผู้เลี้ยงควรเริ่มดูแลตั้งแต่น้องหมายังเป็นลูกสุนัข โดยผู้เลี้ยงควรเลือกซื้ออาหารเม็ดสำเร็จรูปมีโปรตีนสูงประมาณ 28% และมีแคลเซียม ที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง  ดีเอชเอ ช่วยในการพัฒนาสมอง การเรียนรู้ ไขมัน เหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ รวมถึงซีลีเนียมที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หัดสุนัขและลำไส้อักเสบหลังจากลูกสุนัขฉีดวัคซีน โดยนำอาหารเม็ดมาผสมกับน้ำหรือนม (ควรเลือกเป็นนมแพะแทนนมวัว เพราะนมแพะมีไขมันและแคลเซียมสูงกว่านมวัว และไม่ทำให้ลูกสุนัขท้องเสีย) ให้ลูกสุนัขกิน โดยผสมในอัตราส่วนน้ำอุ่นหรือนม 1 ส่วนต่ออาหารเม็ด 3 ส่วน เพื่อเพิ่มความน่ากินและช่วยให้อาหารมีรสชาติยิ่งขึ้น

     ส่วนในน้องหมาบางแก้วโตเต็มวัย ที่มักจะชื่นชอบการออกกำลังกาย และมีกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันค่อนข้างเยอะ จะมีความต้องการพลังงานสูง ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกอาหารเม็ดสำเร็จรูปมีโปรตีนอยู่ที่ประมาณ 23% - 26% แต่ควรลดอาหารประเภทที่มีส่วนผสมของไขมันในจำนวนมาก ๆ ลง เพราะอาจเกิดการสะสมของไขมันในร่างกายที่จะส่งผลต่อข้อต่อและกระดูกในอนาคตได้ โดยอาจจะเลือกอาหารที่มีส่วนผสมของ แอล-คาร์นิทีน ที่จะช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย กลูโคซามีน ป้องกันไขข้ออักเสบ ฟอสฟอรัส ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กลูตามีน เสริมสร้างระบบทางเดินอาหารให้ดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิตามินดี แคลเซียม ที่เสริมสร้างให้สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง มีโครงสร้างที่ได้สัดส่วนและรักษาสมดุลของกล้ามเนื้อก็ได้ค่ะ

ออกกำลังกายเสริมภูมิคุ้มกัน

การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับน้องหมาบางแก้ว เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องหมาแข็งแรง มีสุขภาพดี  ผู้เลี้ยงควรจัดตารางการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับช่วงวัยของน้องหมา โดยอาจจะปรึกษาขอความเห็นจากสัตวแพทย์ก็ได้ค่ะ โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาเด็กควรเป็นการวิ่งออกกำลังกาย และเล่นของเล่นชนิดต่าง ๆ เพื่อช่วยพัฒนาสมองและการเรียนรู้  รวมถึงฝึกทักษะคำสั่งพื้นฐานเบื้องต้น เช่น นั่ง คอย เพื่อให้น้องหมารู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งไหนในบ้าน และสั่งห้ามเมื่อน้องหมาทำผิดเพื่อให้น้องหมารู้จักกฏระเบียบในบ้านค่ะ

ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

 น้องหมาบางแก้วมักพบปัญหาเป็นโรคผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการที่น้องหมามักจะชอบขุดดิน แอบไปนอนแช่น้ำในอ่าง หรือสระบัวอยู่เป็นประจำ ผู้เลี้ยงจึงต้องคอยดูแลทำความสะอาดร่างกาย ตรวจสอบผิวหนังและเส้นขนน้องหมาอย่างสม่ำเสมอ และอาบน้ำให้น้องหมาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรืออาจดูตามความเหมาะสม แนะนำว่า หากผู้เลี้ยงอาบน้ำให้น้องหมา ผู้เลี้ยงจะต้องล้างแชมพูให้สะอาดและเป่าขนน้องหมาด้วยไดร์จนแห้งสนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันผิวหนังอับชื้น ที่อาจก่อให้เกิดเชื้อราและเกิดโรคผิวหนังขึ้นได้ และควรแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้มีน้ำมันมาเคลือบผิวหนังและเส้นขนให้ชุ่มชื้นนะคะ

พบสัตวแพทย์เป็นประจำ

 ถึงแม้ว่า น้องหมาบางแก้วเป็นน้องหมาพันธุ์ไทยที่มีสุขภาพร่างกายค่อนข้างแข็งแรง และไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ แต่ถึงอย่างไร น้องหมาบางแก้วก็ต้องการการดูแลจากผู้เลี้ยงเช่นเดียวกับน้องหมาสายพันธุ์อื่น ผู้เลี้ยงจึงไม่ควรละเลยการดูแลสุขภาพของน้องหมา โดยควรดูแลเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครบตามโปรแกรมสุขภาพ และหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือน เพราะว่าการพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพจะช่วยทำให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมรับมือ และรักษาน้องหมาได้อย่างทันท่วงทีหากตรวจพบโรคต่าง ๆ ค่ะ

      และหากผู้เลี้ยงตรวจพบปัญหาผิวหนังและเส้นขนถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นตามตัวของน้องหมา ผู้เลี้ยงก็ควรพาน้องหมาไปตรวจดูอาการกับสัตวแพทย์ โดยไม่ควรละเลยไปนะคะ เพราะว่า อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในน้องหมานั้น อาจจะลุกลามเป็นวงกว้างจนรักษาได้ยากก็ได้นะคะ ยังไงให้น้องหมาอยู่ในสายตาและการดูแลจากสัตวแพทย์ก็จะดีที่สุดค่ะ ...

0 ความคิดเห็น: